My Story



น้ำผึ้ง พัทยา

"ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำงานอะไร ข้าราชการ พนักงานบริษัท เจ้าของกิจการ นักศึกษา ค้าขาย
หรือแม้ว่าคุณกำลังตกงาน คุณก็สามารถสร้างทางเลือกดีๆให้กับชีวิตได้
และไม่ใช่ดีธรรมดา แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณเอง"
"ด้วยพลังแห่งการเรียนรู้ และพลังแห่งการให้ที่มากพอ
ทุกๆเป้าหมาย ทุกๆความสำเร็จ เป็นจริงได้แน่นอน"


สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ น้ำผึ้ง ค่ะ อยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อนๆเลยเรียกกันว่า น้ำผึ้ง พัทยา
ดิฉันเกิดในครอบครัว ฐานะปานกลาง คุณพ่อรับราชการ ส่วนคุณแม่ก็เป็นแม่บ้าน เราเป็นครอบครัวพอเพียงค่ะ ถูกสอนมาตลอดค่ะว่าเรียนให้เก่งๆจะได้มีงานดีๆ มีเงินเดือนเยอะๆ
ระหว่างเรียนดิฉันก็ทำงานหารายได้พิเศษในระหว่างเรียนและช่วงปิดเทอมมาตลอด ตั้งแต่ตอน ปวช. ก็รับจ้างพิมพ์รายงาน (สมัยนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์หรอกนะคะ เครื่องพิมพ์ดีดล้วนๆ) ,ปวส. ก็รับจ้างแจกสินค้าทดลองตามห้าง ในวันหยุด ,และ ช่วงปิดเทอม ของการเรียน ระดับ ป.ตรี ก็ทำงานพิเศษที่ร้านไอศกรีมชื่อดังในห้าง ตอนนั้นจำได้ว่า ค่าจ้าง ชม.ละ 24 บาท วันนึงเดินเสริฟ์ 8-10 ชม. สนุกดีคะ
เพราะว่ารู้ว่าพ่อแม่ลำบากส่งเรารียน อะไรที่พอจะแบ่งเบาเรื่องเงินๆทองๆ ของพ่อแม่ได้ก็จะพยายามช่วยเหลือตัวเอง และมีความฝัน อยากจะมีกิจการเล็กๆของตัวเอง พูดง่ายๆว่าอยากรวย ไม่อยากเป็นลูกจ้างใครน่ะคะ
พอเรียนจบ ก็ตาม Step เข้าทำงานใน บ.เอกชน เงินเดือนตามวุฒิ ตอนนั้นปี 2542 ได้อยู่ที่ 6,500 ถึง 8,000 บาท สังคมการทำงาน ไม่สนุกอย่างที่คิด การแข่งขันสูง ทั้งการทำงานและความสามารถ ดิฉันเรียนคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเพิ่ม ส่วนภาษาอังกฤษค่อนข้างดีอยู่แล้ว ทำงานประจำออฟฟิต เป็นพนักงานประสานงานฝ่ายขาย ทำเอกสารและติดต่อลูกค้าทางโทรศัพท์ เรียกง่ายๆว่า Sale support น่าจะดีกว่า ทำงานเหมือน Sale แต่ไม่มีคอมมิชชั่น คิดไปคิดมา ลาออกไปเป็นฝ่ายขายบ้างน่าจะรวยเร็วกว่า ดิฉันจึงผันตัวเอง เป็นเซลล์ หรือพนักงานขาย ของบ. ยาแห่งหนึ่ง เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า ผู้แทน (Detail ยา) ทำอยู่ประมาณ 3 ปี เก็บเงินได้ก้อนนึง จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง มีกิจการเล็กๆของตัวเอง
จุดเปลี่ยนครั้งแรกของชีวิตดิฉันเริ่มจากตรงนี้แหละคะ
ดิฉันนำเงินเก็บไปลงทุนเปิด สปา และร้านเสริมสวยครบวงจร (ตามกระแสนิยม) ทำโดยไม่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน ใดๆทั้งสิ้น มีแต่ใจล้วนๆ อ่านมาถึงตรงนี้คงพอนึกออกนะคะ สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ เกิดขึ้นเมื่อดิฉันมีกิจการของตัวเองนี่แหละ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าร้าน ค่าลูกจ้างในร้าน หักกลบ ลบกัน แทบไม่มีกำไร และสุดท้ายก็ไปไม่รอด นี่ล่ะมั้งที่เค้าเรียกว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ปิดกิจการพร้อมกับมีหนี้สินติดไม้ติดมือมาด้วย หลายแสนบาท..เศร้า
แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป...กลับเข้าสู่ถนนสายเงินเดือนอีกครั้ง..และได้รู้จักกับธุรกิจเครือข่าย (รึป่าว)
ครั้งนี้ดิฉันเลือกที่จะทำงานเป็น เซล์ขายรถ ด้วยเหตุผลคือ น่าสนุกและคงได้เงินดี ประสบการณ์ในสายงานนี้ สนุกจริง อย่างที่คิดไว้ ไม่ต้องแข่งกับใครแข่งกับตัวเองในการทำยอดขาย ทำมาก ได้มาก บริการดี ลูกค้าก็แนะนำเพื่อนมาซื้อรถกับเราอีก เป็นแบบนี้ ประทับใจและแนะนำต่อๆกันมาให้ แต่ดิฉันก็ยังมองหางานที่พอจะทำเพื่อให้เกิดรายได้เสริม งานเสริมที่ทำแล้วจะไม่กระเทือนกับงานประจำของเรา จนไปอ่านเจอโฆษณาWork at home ที่ลงโฆษณาว่าทำงานทาง internet แต่ให้เดินทางไปอบรมตามโรงแรม ตามศูนย์บางที่ให้เราสมัครสมาชิกหลักร้อย แต่ให้เราลงทุนหลักหมื่น หลักแสนเลยนะคะ ให้ซื้อสินค้ามา สต๊อคที่บ้าน ให้เราเปิดศูนย์ (เคยโดนมาหมดแล้ว)พอเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้ทำงานทาง internet จริง ทุนหายกำไรไม่ต้องพูดถึง ยังไม่พอ อัพไลน์ ยังสอนให้ลิสต์รายชื่อ ให้ทนกับการโดนปฏิเสธ ซ้ำแล้วซ้ำอีกสำหรับดิฉัน มันยากมาก และดิฉันคงทนกับการถูกปฎิเสธไม่ไหว โดยไม่เคยเข้าใกล้ความสำเร็จเลยก็ว่าได้ บริษัทดีแต่ดิฉันคงไม่แกร่งพอ ไม่มีเวลาพอนี่คือปัญหาของดิฉันๆว่าน่าจะ ตรงกับบางท่านนะคะ
ตลอดเวลาที่ดิฉันศึกษาวิธีสำเร็จของ MLM นั้น ดิฉันมีคำถามอยู่ในใจเสมอว่า ทำไมจะต้องเดินทาง ทำไมต้องชวนคน ทำไมต้องทนการปฏิเสธ เบี้ยวนัด ไม่ชวนเพื่อน ไม่ชวนญาติพี่น้อง ไม่ได้หรืออย่างไร แล้วยังไม่มีรายได้จะเอาเงินที่ไหนไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประชุม ทำไมๆๆๆ ยุคนี้มันยุคออนไลน์ ทำไมยังต้องทำอะไรแบบนั้น มันต้องมีวิธีที่เหมาะกับเราซิ และก็ต้องหยุดตัวเองจากธุรกิจเครือข่ายไป (แต่ก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่า ธุรกิจเครือข่าย เป็นทางลัดสู่ความร่ำรวยได้จริง)
เวลาผ่านไป ดิฉันย้ายมาอยู่ที่พัทยา มีครอบครัว
ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ของ บ.ต่างชาติแห่งหนึ่ง ที่พัทยา รายได้รวมคอมมิชชั่น กว่าสี่หมื่น ดูเหมือนน่าจะเยอะนะคะ แต่มันแลกไปกับเวลาของครอบครัว เพราะทั้งดิฉันและแฟนต่างก็ทำงานทั้งคู่ ค่าใช้จ่ายที่หนักๆ ก็คือค่าจ้างคนดูแลลูก ทั้งเรียนพิเศษ ฝากพิเศษ เนอสเซฮรี่ สารพัด คิดแต่ว่าจะต้องหาเงินเยอะๆลูกจะได้สบาย
จุดเปลี่ยนครั้งที่สองของชีวิต
จนในที่สุด ลูกชายวัยขวบกว่าๆ ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ด้วยสาเหตุทางเดินหายใจอักเสบ อาการหนักมาก โชคดีที่พามาโรงพยาบาลทันเวลาไม่งั้นลูกคงไปสวรรค์ก่อนเวลาอันสมควร ลูกนอนรักษาตัวเกินครึ่งเดือน ดิฉันลางาน เพื่อดูแลลูกอย่างใกล้ชิด และกลับมาทบทวนว่า เราดูแลลูกไม่ดีรึป่าว เราเอาเวลาของเราไปแลกเงินมันคุ้มกันหรือไม่ ระหว่างที่ดูแลลูก ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ พ่อรวยสอนลูก Rich Dad Poor Dad โดนใจอยู่บรรทัดนึง "คนรวยมองหาเครือข่าย ในขณะที่คนจนมองหางานทำ" และ "จงทำงานเพื่อเรียนรู้อย่าทำงานเพื่อเงิน"
หลังจากที่ลูกหายป่วยและกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ดิฉันได้มาเจอ E-Commerce กับระบบที่ช่วยทำงานแทนเรา เป็นธุรกิจเครือข่ายที่ทำงานผ่านเน็ต100%
ไม่มีการเดินทางไปประชุมอาทิตย์ละ 3-4 วัน ไม่มีการลิสต์รายชื่อ ไม่ต้องแบกหน้าไปชวนเพื่อนๆหรือคนรู้จักมาทำธุรกิจ ดิฉันจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อใช้เวลาดูแลลูกๆทดแทนเวลาที่ผ่านมา และเลือกที่จะเรียนรู้วิธีการทำงานผ่านออนไลน์ ทำงานอยู่กับบ้าน ถ้าถามดิฉันว่าเป้าหมายของการทำงานนี้คืออะไร ดิฉันคงตอบได้แต่เพียงว่า ทำงานเพื่อเรียนรู้ ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน ความรู้ที่ได้เรียนรู้จากการทำการตลาดออนไลน์ครั้งนี้ ไม่มีสอนในโรงเรียนไหน ผู้ที่มาถ่ายทอดความรู้+เคล็ดลับ มาจากหลากหลากสาขาอาชีพ มีคนเก่งๆในสังคมออนไลน์มากมาย เด็กอายุ17 ปี และเพื่อนต่างวัย อายุ 54 ปีก็มี การขยายเครือข่ายเป็นไปตามอัตโนมัติของมันเอง รายได้มันก็ตามมาเองอัตโนมัติ
แต่ถ้าถามว่าการธุรกิจออนไลน์ ครั้งแรกในชีวิต ตอบโจทย์ความสำเร็จหรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะว่าเท่าที่ทุกคนทราบ ธุรกิจแบบนี้ แต่ละ บริษัท มาไว ไปไว ทำแล้วได้เงินอยู่แค่ช่วงเวลาเดียว ก็จะมี บริษัทต่างชาติใหม่ๆ เข้ามาอีก เป็นลักษณะนี้ และอัพไลน์ที่แนะนำเราก็จะพาเราย้าย พาสายงานเราย้าย ไปตามบริษัท ใหม่ๆ ดูๆไปแล้วไม่ต่างอะไรกับมันนี่เกมส์ด้วยซ้ำ เพียงแค่ บริษัท ไม่ปิดหนี แต่อัพไลน์ ต้นสาย พาทีมย้ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวน่าจะเหมาะกว่า
ดิฉันมีรายได้จากงานออนไลน์จำนวนนึง และความรู้ในการทำการตลาดออนไลน์มา จึงได้มีโอกาสทำธุรกิจส่วนตัวเป็นครั้งที่ 2
ครั้งนี้ดิฉันไม่ลงทุนเปิดกิจการอะไรอีกแล้ว.. ดิฉันเลือกที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์ และเรียนรู้การทำการตลาดแบบดึงดูดเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนจากธุรกิจเครือข่าย
เป็นเจ้าของเวบไซต์ http://www.thaiwoodstyle.com/ (เชิญแวะเยี่ยมชมได้นะคะ) ทุกๆวันจะมีคนโทรมา เชิญ ชวน ให้ไปฟังเปิดโอกาสธุรกิจกับ MLM สารพัด บริษัท รวมถึงผู้นำจาก บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ด้วย ที่แนะนำให้ลองศึกษาธุรกิจดู แต่ดิฉันก็ปฏิเสธไป จนวันนึงดิฉันได้มีโอกาสคุยผ่านออนไลน์กับคุณนาวี และน้องเติ้ล ซึ่งเป็นเพื่อนและน้องชายที่รู้จักกันเพราะเคยทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์เป็น side line กันมาก่อน และครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง ทั้งสองได้แนะนำ ธุรกิจเอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค และระบบของ E-Leader Group ให้ดิฉันรู้จัก ซึ่งเป็นระบบในการทำงานออนไลน์ที่ถูกต้อง ให้ระบบที่ช่วยเราทำงานอย่างแท้จริง การยกเซ็นเตอร์ มาไว้บนโลกออนไลน์ และความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการขยายเครือข่ายผ่านออนไลน์ อื่นๆอีกมากมายและยังพัฒนาต่อไปเพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย E-Leader ยินดีให้โดยไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายใดๆ ให้เพราะต้องการติดอาวุธให้กับทุกคนที่สนใจอย่างแท้จริง ต้องการเห็นทุกคนที่เข้าร่วมในทีม มีรายได้ และรู้จักวิธีสร้างรายได้เพื่อที่จะส่งต่อให้กับคนรุ่นๆต่อไป คำตอบที่ดิฉันหามาตลอดในการทำธุรกิจเครือข่าย ดิฉันพบคำตอบแล้ว
ปัจุบัน ดิฉันเป็นแม่บ้าน ได้ดูแลคนที่เรารัก และเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์ แต่สิงที่ดิฉันภูมิใจที่สุด คือ การได้เป็นส่วนหนี่งของ E-Leader Group ได้ส่งต่อโอกาสดีๆ และความรู้ที่ถูกต้องให้กับคนที่สนใจในการทำธุรกิจผ่านออนไลน์ และมั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ดิฉันและทีมงานทุกคนพบกับความสำเร็จและร่ำรวยแน่นอนค่ะ


ถ้าคุณกำลังสนใจการทำธุรกิจออนไลน์ให้สำเร็จ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร

กรอกรายละเอียดเพื่อรับเทคนิคใหม่ๆในการทำออนไลน์ ในเมนูด้านข้างได้เลยค่ะ

E-Leader Group และดิฉัน ยินดีเป็นพี่เลี้ยงในการทำธุรกิจ Aim Star network ให้ทุกท่านค่ะ

หรือศึกษาระบบได้ที่

http://www.smart.eleader-group.com/